แกงเขียวหวาน เป็นอาหารไทยแท้ ที่มีกำเนิดในประเทศไทย แต่ได้รับอิทธิพลการใช้เครื่องเทศ และกะทิจากอินเดียและอาหรับ มีเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว ปลา ไก่ หรือหมู เป็นส่วนประกอบหลัก ใส่ผัก ปรุงรสด้วยกะทิ มะเขือ น้ำตาล น้ำปลา ใบมะกรูด และใบโหระพา นิยมรับประทานกับข้าวสวยหรือขนมจีนน้ำพริกแกงมีสีเขียวเพราะใช้พริกขี้หนูสดสีเขียว บางท้องที่ใส่ใบพริกลงไปตำด้วย
栄養素
คุณค่าอาหารหลักของแกงเขียวหวาน ประกอบด้วยโปรตีน ไขมัน ในปริมาณสูงพอสมควร ใยอาหารสูง โดยมาจากมะเขือพวงและส่วนผสมในเครื่องแกง นอกจากนี้ส่วนประกอบเครื่องแกงล้วนเป็นสมุนไพรทรงคุณค่า ได้แก่ มะเขือพวง เป็นยาระงับปวด ห้ามเลือด ขับปัสสาวะ รักษาโรคหลอดลม และไขข้ออักเสบ ใบมะกรูด ใบโหระพา :พริก หัวหอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ ช่วยขับลมแก้จุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง ช่วยเจริญอาหาร ขับเสมหะ แก้หวัด材料
ลูกชิ้นปลากราย 250 กรัม
มะเขือเปราะ 100 กรัม
หัวกะทิ 100 กรัม
หางกะทิ 500 กรัม
น้ำพริกแกงเขียวหวาน 40 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 15 กรัม
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง 4 เม็ด
โหระพา 4 กรัม
ใบมะกรูด 2 ใบ
作り方
1) ผัดหัวกะทิให้แตกมัน ใส่เครื่องแกงลงผัดกับหัวกะทิให้หอม จากนั้นใส่ลูกชิ้นปลากรายลงผัด2) ใส่หางกะทิลงไป ตั้งให้เดือด เคี่ยวให้เนื้อสุกนุ่ม ใส่มะเขือเปราะ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ
3) ใส่พริกชี้ฟ้า ใส่ใบมะกรูดฉีก ใส่ใบโหระพา
4) ตักใส่ชามเสิร์ฟ
เคล็ดลับ
1) สีของแกงเขียวหวานจะเป็นสีเขียวอ่อนและมีสีเขียวเข้มขึ้นเล็กน้อยจากน้ำมันที่ได้จากกะทิ หากทำไม่ถูกขั้นตอนจะทำให้ได้สีแกงแตกต่างกันออกไป เช่น สีเขียวเข้มจนคล้ำเหมือนสีโคลน เกิดจากการผัดเครื่องแกงไม่ได้ที่ กะทิไม่แตกมัน เครื่องแกงไม่สุก ทำให้แกงไม่มีกลิ่นหอม
2) ควรผ่ามะเขือเปราะ แล้วใส่ในน้ำแกงที่กำลังเดือด หรือแช่ไว้ในน้ำเกลือ มิฉะนั้นมะเขือจะมีสีดำ ไม่น่ารับประทาน
3) เมื่อใส่มะเขือเปราะลงไปในน้ำแกงแล้ว ให้กดลงให้จมจนกว่าจะสุก เพื่อไม่ให้มะเขือมีสีดำ